การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตาราง
ความสัมพันธ์ระหว่างตาราง มีดังนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างตาราง มีดังนี้
ความสัมพันธ์หนึ่งต่อหนึ่ง one-to-one >> มี2ตารางเรคคอร์ด1ของA จับคู่ได้กับ1เรคดอร์ดของB
แบบหนึ่งต่อกลุ่ม one-to-many >> เรคดอร์ด1ของA จับคู่ได้กับเรคดอร์ดBหลายตัว
กลุ่มต่อหนึ่ง many-to-one >> หลายเรคดอร์ดA จับคู่ได้กับBเรคดอร์ดเดียว
กลุ่มต่อกลุ่ม many-to-many >> หลายเรคดอร์ดA จับคู่ได้กับหลายเรคดอร์ด
โดยคำสั่งที่จะนำมาใช้คือ Join และ Relate
คำสั่ง Join ใช้กับความสัมพันธ์แบบ one-to-one และ many-to-many
คำสั่ง Relate ใช้กับวามสัมพันธ์แบบ one-to-many และ many-to-many
1.เปิด Folder > Prachinburi > SOIL_GRP เปิดข้อมูล Polygon ที่ชื่อว่า SOIL_GRP ขึ้นมา
ความสัมพันธ์หนึ่งต่อหนึ่ง one-to-one >> มี2ตารางเรคคอร์ด1ของA จับคู่ได้กับ1เรคดอร์ดของB
แบบหนึ่งต่อกลุ่ม one-to-many >> เรคดอร์ด1ของA จับคู่ได้กับเรคดอร์ดBหลายตัว
กลุ่มต่อหนึ่ง many-to-one >> หลายเรคดอร์ดA จับคู่ได้กับBเรคดอร์ดเดียว
กลุ่มต่อกลุ่ม many-to-many >> หลายเรคดอร์ดA จับคู่ได้กับหลายเรคดอร์ด
โดยคำสั่งที่จะนำมาใช้คือ Join และ Relate
คำสั่ง Join ใช้กับความสัมพันธ์แบบ one-to-one และ many-to-many
คำสั่ง Relate ใช้กับวามสัมพันธ์แบบ one-to-many และ many-to-many
1.เปิด Folder > Prachinburi > SOIL_GRP เปิดข้อมูล Polygon ที่ชื่อว่า SOIL_GRP ขึ้นมา
การสร้างความสัมพันธ์ตาราง แบบ one-to-one โดยใช้คำสั่ง Join
2.จะปรากฏดังภาพ
3.คลิกขวาที่ชั้นข้อมูล SOIL_GRP >
Open Attribute Table
4.จะปรากฏตารางข้อมูลขึ้นมา
5.ทำการเปิดข้อมูลตารางที่ชื่อว่า SOILCODE ขึ้นมา
6.คลิกขวาที่ชั้นข้อมูลเพื่อเปิดตาราง
7.จะปรากฏตารางข้อมูลขึ้นมาดังภาพ
8.ทำการสังเกตข้อมูลทั้งสองตารางว่ามีฟิลด์ใดที่เหมือนกัน โดยทั้งสองตารางมีฟิลด์ SOIL_ID เหมือนกัน
9.ไปที่ตาราง SOIL_GRP ไปที่ Table Options > Joins
and Relates > Join
10. จะปรากฏหน้าต่าง Join Data ขึ้นมา
11. ในช่องที่ 1 คือฟิลด์ที่ต้องการ Join เลือก SOIL_ID
12. ในช่องที่ 2เลือกตารางที่ต้องการทำการ Join นั่นก็คือ SOILCODE
13. ในช่องที่ 3 เลือกฟิลด์ในตารางที่จะทำการ Join นั่นคือ SOIL_ID จากนั้น กด OK
14. เมื่อทำการ Join เสร็จแล้ว ตารางจะมีฟิลด์ SOIL_DEF เพิ่มขึ้นมา
15. หากต้องการ Save ข้อมูล
ให้คลิกขวาที่ชั้นข้อมูล SOIL_GRP > Data > Export Data
16.หากต้องการ Remove
ข้อมูล ให้ไปที่ Table Option > Joins and Relates > Remove
Join(s) > Remove All Joins
การสร้างความสัมพันธ์ตาราง แบบ one-to-many โดยใช้คำสั่ง Relate
1.ทำการเปิดชั้นข้อมูล Polygon ที่ชื่อว่า AMPHOE ขึ้นมา
2.จะปรากฏดังภาพ
3.คลิกขวาที่ชั้นข้อมูล AMPHOE > Open
Attribute Table
4. จะปรากฏตารางข้อมูลขึ้นมา
5.ทำการเปิดข้อมูลตารางที่ชื่อว่า Village_Relate ขึ้นมา
6.คลิกขวาที่ชั้นข้อมูลเพื่อเปิดตารางขึ้นมา
7.ตารางจะปรากฏชึ้นมาดังภาพ
8. ที่ตาราง AMPHOE ไปที่ Table Option > Joins
and Relates > Relate
9.จะปรากฏหน้าต่าง Relate ขึ้นมา
10. ในช่องที่ 1 เลือก AMP_CODE
11. ในช่องที่ 2 เลือก Village_Relate
12.ในช่องที่ 3 เลือก AMP_CODE จากนั้น กด OK
13.เมื่อทำการ Relate
เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถค้นหาได้ โดย select ข้อมูลที่ต้องการ
14.ไปที่ Table Option > Related Table >
Relate1:Village_Relate
15. จากนั้นจะปรากฏข้อมูลหมู่บ้านต่างๆ
ที่ตั้งอยู่ใน อ.นาดี
กระบวนการทางสถิติ
1.คลิกขวาที่ชั้นข้อมูล AMPHOE > Open Attribute Table
2.จะปรากฏตารางข้อมูลขึ้นมา
3.คลิกเลือกฟิลด์ AREA จากนั้นคลิกขวาที่ฟิลด์ เลือก Statistics ฟิลด์ที่นำมาคำนวณจะต้องเป็นฟิลด์ที่เป็นตัวเลขเท่านั้น
4.จะปรากฏหน้าต่าง Statistics of AMPHOE ขึ้นมา
การสร้างกราฟ
1.ไปที่ View > Graphs > Create
2. จะปรากฏหน้าต่าง Create Graph Wizard ขึ้นมา
3.ในช่อง Graph Type คือให้เราเลือกชนิดของกราฟ ในที่นี้เลือก Vertical Bar
4.ในช่อง Layer/Table
ให้เราเลือกข้อมูลที่เราต้องการนำมาทำกราฟ ในที่นี้เลือก
AMPHOE
5.ในช่อง Value field ให้เราเลือกฟิลด์ที่ต้องการนำมาทำกราฟ
ในที่นี้เลือก AREA
6.จากนั้นกด Next
7.ในช่อง Title ให้ใส่ชื่อกราฟลงไป
8.จากนั้นกด Finish
9.จะปรากฏกราฟขึ้น
10.ทำการแก้ไขสิ่งต่างๆในกราฟ
โดยการคลิกขวาภายในบริเวณกราฟ เลือก Advance Properties
11.จะปรากฏหน้าต่าง Editing ขึ้นมา ดังภาพ
12.
Title เลือก Style จากนั้นพิมพ์ชื่อที่เราต้องการใส่ในช่อง
Text
13.จากนั้นไปที่ Text
> Font เพื่อเปลี่ยนขนาด และ สีของตัวอักษร
14. ทำการเปลี่ยนสีตัวอักษร
15.เมื่อทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้วกด Close จะได้กราฟตามภาพ
16.ทำการตกแต่งแท่งกราฟได้โดย
คลิกขวาบริเวณกราฟ จากนั้นไปที่ Properties
17.สามารถปรับเปลี่ยนลักษณะกราฟได้ตามต้องการ
18. หากต้องกาให้แท่งกราฟเป็นสามมิติ
ทำได้โดย ไปที่ Appearance เลือก Garph
in 3D view จากนั้นกด OK
19. กราฟเมื่อทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
20.หากต้องการนำกราฟไปประยุกต์ใช้ในงานด้านอื่น
ทำได้โดยการ คลิกขวาที่บริเวณกราฟ เลือก Export
21. จะปรากฏหน้าต่าง Export Dialog ขึ้นมา
22.หากไม่ต้องการเซฟ ให้เลือก copy แล้วนำไปวางในชิ้นงานที่ต้องการ
การสร้างรายงาน
1.ไปที่ View > Reports > Create Report
2. จะปรากฏหน้าต่าง Report Wizard ขึ้นมา
3.ในช่อง Layer/Table ให้เลือกข้อมูลที่จะนำมาทำรายงาน
ในที่นี้คือ AMPHOE
4.ในช่อง Available
Fields ให้เลือกฟิลด์ที่ต้องการใส่ในรายงาน
โดยเลือกจากช่องทางซ้าย จากนั้นกด Next
5.กด Next
6.ในช่อง Field ให้เลือก AMP_NAME
7.ในช่อง Sort ให้เลือก Ascending จากนั้นกด
Next
8.ในส่วนของ Layout เลือก Stepped ส่วน Orientation
ให้เลือก Portrait
จากนั้นกด Next
9.ให้เลือกรูปแบบของรายงานตามต้องการ
จากนั้น กด Next
10.ตั้งชื่อรายงาน จากนั้นกด Finish
11. จะปรากฏรายงานดังภาพ
12.หากต้องการปรับแก้ไขข้อมูลรายงาน ให้ไปที่ Edit บริเวณมุมบนซ้าย
13. จะปรากฏหน้าต่าง Report Designer เราสามารถปรับแก้ขนาด สี ของตัวอักษรได้ในหน้าต่างนี้
14.เมื่อทำการปรับแก้เรียบร้อยแล้ว
ให้ไปที่ Run Report บริเวณมุมซ้ายบน
15.รูปแบบรายงานแบบสำเร็จจะปรากฏดังนี้
16.หากต้องการ Save ให้ไปที่ Save report output to
file
17. จะปรากฏหน้าต่าง Save Report Document ขึ้นมา เลือก Folder ที่ต้องการจะเซฟ จากนั้นตั้งชื่อไฟล์ แล้วกด Save
18.หากต้องการนำไปใส่ใน Layout ทำได้โดยไปที่ Add report to ArcMap Layout
19. จะปรากฏหน้าต่าง Add to Map ขึ้นมา ในส่วนของ Page Range เลือก All 1 page(s) จากนั้นกด OK
20.รายงานจะปรากฏขึ้นมาใน Layout
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น